รถไฟฟ้า ชาร์จตอนฝนตกได้มั้ย? รู้คำตอบก่อนชาร์จจริง
ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังได้รับความนิยมแบบก้าวกระโดด เนื่องจากไม่มีควันพิษ ช่วยลดมลภาวะประหยัดค่าน้ำมัน เพราะใช้ไฟฟ้าแทนการเติมน้ำมัน หลายคนที่กำลังตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าก็มีคำถามสำคัญว่า... ชาร์จรถไฟฟ้าตอนฝนตกได้มั้ย? คำถามนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของผู้ขับขี่
บทความนี้ Mr.OOHOO จะพาเพื่อน ๆ ไปไขข้อสงสัย ชาร์จรถไฟฟ้าตอนฝนตกได้มั้ย? พร้อมคำแนะนำที่ช่วยให้ชาร์จรถไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย และปิดท้ายด้วยการเลือกประกันรถยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุมทุกความเสี่ยงอย่างมั่นใจกับแพลตฟอร์มประกันออนไลน์ OOHOO.io
ระบบกันน้ำของรถยนต์ไฟฟ้า
ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทุกรายออกแบบระบบชาร์จและแบตเตอรี่ให้มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงมาก โดยเฉพาะเรื่อง กันน้ำ ไม่ว่าจะเป็นหัวชาร์จ, ช่องเสียบ หรือแบตเตอรี่ ต่างก็มีมาตรฐาน IP (Ingress Protection) เช่น IP67 หรือ IP68 ซึ่งหมายถึงสามารถกันน้ำและฝุ่นได้ดีเยี่ยม
ชาร์จรถไฟฟ้าตอนฝนตกได้ไหม?
หลายคนกังวลว่า ชาร์จรถไฟฟ้าตอนฝนตก จะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดไฟฟ้ารั่ว หรือไฟฟ้าช็อต แต่แท้จริงแล้ว ตัวอุปกรณ์ของรถไฟฟ้าถูกออกแบบให้ตัดไฟอัตโนมัติ หากพบความผิดปกติ เช่น ความชื้นหรือแรงดันไฟฟ้าที่ไม่ปกติ ดังนั้น ไม่ต้องกังวลว่า ชาร์จรถไฟฟ้าตอนฝนตกจะโดนไฟช็อต เพราะสามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ตามปกติ
ดังนั้น ชาร์จรถไฟฟ้าตอนฝนตกได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นอยู่ในสภาพดี ไม่มีความเสียหาย และอยู่ในสถานีชาร์จที่ได้มาตรฐาน
แต่ถึงแม้ว่าจะชาร์จรถไฟฟ้าตอนฝนตกได้ และมีปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีความเสี่ยง เช่น พื้นที่รอบจุดชาร์จมีน้ำขัง, หัวชาร์จชำรุดหรือมีรอยรั่ว หรือใช้สายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้น ควรทราบวิธีป้องกันความเสี่ยงและวิธีเลือกสถานีชาร์จไฟฟ้าให้ดีก่อนนำรถไฟฟ้าเข้าใช้บริการ
วิธีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝน
1.ตรวจสอบสายชาร์จและหัวปลั๊กก่อนใช้งาน
2.ห้ามชาร์จในจุดที่มีน้ำขัง
3.เลือกสถานีชาร์จที่มีหลังคาหรือในร่ม
4.ไม่แตะปลายหัวชาร์จขณะมือเปียก
5.ใช้ปลั๊กและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานจากโรงงาน
วิธีป้องกันความเสี่ยงก่อนนำรถไฟฟ้าเข้าชาร์จ
-
ตรวจสอบสายชาร์จและหัวชาร์จก่อนทุกครั้ง
-
หลีกเลี่ยงการชาร์จขณะมีฝนตกหนักหรือฟ้าผ่า
-
เลือกสถานีชาร์จที่มีหลังคาและดูแลรักษาอย่างดี
เลือกสถานีชาร์จรถไฟฟ้ายังไงให้ปลอกดภัยช่วงหน้าฝน
แน่นอนว่าเมืองไทยขึ้นชื่อเรื่องอากาศที่สุดขั้ว ทั้งร้อนจัดและฝนตกหนัก โดยเฉพาะในฤดูฝนที่น้ำท่วมและพายุเป็นเรื่องปกติ การเลือกสถานีชาร์จจึงไม่ใช่แค่ใกล้ แต่ต้องปลอดภัยด้วยมาดูกันว่า ควรพิจารณาอะไรบ้างก่อนเสียบปลี๊กชาร์จรถไฟฟ้า
1. เลือกสถานีชาร์จที่มีหลังคา หรืออยู่ในที่ร่ม
สภาพอากาศในไทย โดยเฉพาะฤดูฝนมักจะมีลมแรงและฝนสาด การเลือกสถานีที่มี โครงสร้างป้องกันฝน เช่น หลังคาคลุมเต็มพื้นที่ หรืออยู่ในลานจอดรถอาคารจะช่วยให้ไม่ต้องลุยฝนเพื่อชาร์จ และลดโอกาสน้ำกระเด็นเข้าระบบ
2.ตรวจสอบพื้นผิวบริเวณสถานี ว่าระบายน้ำดีหรือไม่
พื้นจุดชาร์จควร ไม่มีน้ำขัง และมีระบบระบายน้ำที่ดี เพราะการชาร์จในพื้นที่ที่มีน้ำเจิ่งนองอาจทำให้เกิดความชื้นสะสม ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยของการชาร์จไฟ แม้อุปกรณ์จะกันน้ำ แต่ความเสี่ยงที่มือเปียกหรือเท้าลื่นก็ยังมี
3.เช็คอุปกรณ์ชาร์จมีมาตรฐานกันน้ำระดับไหน (เช่น IP66, IP67)
สถานีที่ได้มาตรฐานควรแสดงระดับ IP Rating ชัดเจน เช่น IP66 ซึ่งสามารถกันฝุ่นและน้ำระดับฝนตกได้ดี หรือ IP67 ที่สามารถกันน้ำเมื่อลงไปแช่ในระดับตื้นเป็นเวลาสั้น ๆ ได้
4.ใช้แอปฯตรวจสอบสถานีแบบเรียลไทม์
ในเมืองไทยมีแอปพลิเคชันที่ให้ข้อมูลสถานีชาร์จแบบเรียลไทม์ เช่น EA Anywhere, EleXA ม EV Station PluZ ฯ โดยแอปฯเหล่านี้จะช่วยให้เลือกสถานีที่ พร้อมใช้งาน, อยู่ใกล้ และเห็นภาพสถานีจริงว่ามีหลังคาหรือไม่ รวมถึงสามารถจองคิวชาร์จล่วงหน้าได้(บางแอป)
5.เลือกสถานีที่มีระบบความปลอดภัยครบ
สถานีชาร์จที่ดีควรมี ช่องทางติดต่อฉุกเฉิน หากเกิดปัญหา เช่น ระบบไม่จ่ายไฟ หรือเครื่องไม่ทำงาน ควรมีปุ่ม Emergency Stop หรือสามารถโทรหาศูนย์บริการเพื่อขอความช่วยเหลือได้ทันที
6.เลือกสถานีที่มีรีวิวดี เชื่อถือได้
ลองดูรีวิวจากผู้ใช้งานใน Google Maps หรือในแอปฯชาร์จต่าง ๆ เพราะบางสถานีอาจมีปัญหาบ่อย เช่น ไฟไม่จ่าย หรือระบบรวน การเช็ครีวิวจะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงสถานีที่ไม่น่าไว้ใจได้
